top of page
Search
  • Writer's pictureUnderdogs.

Read : มึงเก๋าเหรอ?

Updated: Dec 10, 2018



ในเสาร์สักเสาร์หนึ่งของเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

ผมขับรถเล่นจากกรุงเทพฯไปราชบุรี ด้วยความหวังที่จะหาที่ถีบจักรยาน หาร้านหนังสือมือสอง และหาร้านขายของเก่า แต่จนแล้วจนรอด


ทั้งวันก็ได้แวะแต่ร้านขายของเก่า 3-4 ร้าน จักรยานไม่ได้ถีบ หนังสือไม่ได้ซื้อ ของเก่าก็ไม่ได้สักชิ้น ขากลับผมขับรถออกจากอำเภอบ้านโป่ง ราชบุรีมุ่งหน้าไปทางนครปฐมเพื่อจะกลับเข้ากรุงเทพฯ


ระหว่างทางก่อนที่จะเข้าเขตนครปฐม ตาของผมเหลือบไปเห็นร้านขายของเก่าขนาดใหญ่ที่ริมถนนฝั่งซ้าย ผมเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หลังจากแน่ใจแล้วว่ารถยนต์ที่ตามหลังมาอยู่ในระยะห่างเพียงพอ


แต่ก่อนที่ผมจะเลี้ยวรถไปจริงๆ มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่เลาะไหล่ทางมาอย่างรวดเร็ว เขาคงตกใจที่เห็นไฟเลี้ยวของรถผม มอเตอร์ไซค์คันนั้นเลยย้ายตัวเองลงไปวิ่งข้างถนนซึ่งเป็นลูกรัง และแซงผมไปอย่างกระทันหัน


ผมตกใจมาก คิดในใจว่า โชคดีที่รถของเราไม่ชนกัน เพราะถ้าเกิดชนขึ้นมาก็คงเป็นความผิดของผมเองที่เลี้ยวรถเร็วไปหน่อย และเปิดไฟเลี้ยวกระชั้นชิดไป


ผมเข้าไปจอดรถในลานจอดรถของร้าน และลงมายืนรอคนรักที่ท้ายรถ


ไม่กี่วินาทีต่อมา มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่เข้ามาหาผม


“เมื่อกี้พี่เกือบชนผม” คนขับพูดกับผมเสียงดัง สีหน้าโกรธจัด สายตาพร้อมจะเอาเรื่อง

ผมตกใจ แต่ท่าทางที่ผมแสดงออกกลับเหมือนจะไม่ตกใจ ผมยืนนิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบมากกว่าปกติ


“ผมขอโทษครับ ผมตีไฟเลี้ยวแล้ว” ผมยืนยันตัวเองว่า ได้ทำถูกกฎจราจรในเหตุการณ์เมื่อครู่ แม้ระยะมันจะใกล้เกินไปก็ตาม


“พี่ตีไฟเลี้ยวแล้วเลี้ยวเลย ถ้าผมหลบไม่ทัน ผมชนพี่เลยนะ” เขาโต้เถียงด้วยอารมณ์โกรธ


ผมประเมินสถานการณ์แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ตัวอีก การแก้ตัวไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น คงต้องรอให้เขาเย็นลงเท่านั้น หรือถ้าเขามีปืน มีมีด หรือมีห่าอะไรที่จะทำร้ายผม ผมค่อยวิ่งหนี หรือสู้


“ผมขอโทษครับ ผมมองไม่เห็น ผมขอโทษนะครับ” ผมพูดพร้อมกับพนมมือไว้ระดับอก (ผมแน่ใจว่าเขาอายุน้อยกว่าผมมาก แต่ผมตั้งใจแสดงการขอโทษ และรู้สึกผิดอย่างจริงจัง ผมเลยยกมือไหว้เขา- นึกภาพนักฟุตบอลตอนคุยกับกรรมการเพื่อขอไม่ให้แจกใบเหลือง)


ท่าทางของเขาเย็นลงมากหลังจากเจอคำขอโทษของผมหลายคำ เขาพูดเสียงเบาลง ช้าลง แต่คงยังโกรธอยู่


“ผมก็มีรถยนต์ ถ้าผมไม่หลบพี่ ผมชนพี่เลยนะ” เขายังพูดคำเดิมๆ เขาคงหาคำพูดอื่นไม่ถูก ด้วยอารมณ์โกรธ ตกใจ และคงไม่คิดว่าผมจะไม่เก๋าเอาซะเลย


ในความรู้สึกนึกคิดของผมตรงนั้นผมคิดแค่ว่า วันนี้เป็นวันหยุด ผมอยากจบๆเรื่องไร้สาระไป ผมไม่อยากมีเรื่อง ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ ผมไม่อยากเจ็บตัว ผมไม่อยากอะไรเลยทั้งนั้น ผมอยากให้เขาไปให้พ้นๆจากตรงนี้


ผมจะเข้าไปในร้านของเก่าก่อนที่ร้านจะปิด


จริงๆแล้วระหว่างที่ ผมกำลังขอโทษคนขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้น และก็เหมือนกับว่าการขอโทษมันได้ผล

ผู้หญิงที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์อยู่ซึ่งน่าจะเป็นคนรักของคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็พูดในเชิงยั่วยุ อย่างกับว่าอยากจะให้มีเรื่องให้รู้แล้วรู้รอด


“ขอโทษแล้วมันหายไหม” และคำสบถหยาบอีกหลายคำ พูดพร้อมๆกับมองมาที่หน้าผม แต่ผมเลือกที่จะไม่มองหน้าเขา


ผมไม่สนใจ ไม่เอาไปเป็นอารมณ์ ผมสนใจแค่คนขี่ ผมสนใจแค่จะขอโทษเขา สุดท้ายมันได้ผล เขาขี่รถออกไป


จำได้ไม่ชัดว่าเขาบอกผมให้ “ขับรถให้ระวังกว่านี้” หรือ “อย่าทำแบบนี้อีก” แต่เขาจากไปด้วยอารมณ์ทีเย็นกว่าเก่าพอสมควร


คนรักของผมเปิดประตูลงมาจากรถตอนที่ทุกอย่างสงบแล้ว พร้อมกับปืนครูเกอร์ ขวานผ่าฟืน ไม้เบสบอล ระเบิดมือ(ผมล้อเล่น)


สำหรับวัยรุ่นอาจจะคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้น “ขี้ขลาดและไม่เก๋า”


แต่สำหรับผมในวัยที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากว่าตอนเป็นวัยรุ่น 20 กิโลกรัม ผมกลับคิดว่า “ทำไมตัวกูเก๋าขนาดนี้วะ”


“รถมันไม่ชนกัน ไม่มีใครเจ็บแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว จะเสือกอยากเจ็บตัวกันไปทำไมวะ” นั่นเป็นความคิดของคนเก๋าๆอย่างผม


---

ช่วงแรกที่ผมทำข่าวรณรงค์ยกเลิกโทษประหารชีวิต ยอมรับว่า ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องยกเลิกโทษนั้น คิดไม่ออกว่าถ้ายกเลิกโทษประหารแล้วจะจัดการกับคนที่ทำผิดอย่างเลวร้ายที่สุดยังไง


จนกระทั่งผมได้ดูหนังสาีรคดีเรื่อง Where to invade next. ซึ่งผู้กำกับไมเคิล มัวร์ตระเวณสัมภาษณ์คนในหลายประเทศ เพื่อเอาข้อคิดดีๆจากแต่ละประเทศมาเป็นตัวอย่างให้กับอเมริกา


ที่นอร์เวย์


มัวร์สัมภาษณ์ผู้ชายที่เสียลูกไปในเหตุกราดยิงบนเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับวัยรุ่นอีก 50 กว่าชีวิตในปี 2011 (เป็นข่าวดังพอสมควรในช่วงนั้น)


มัวร์ถามชายคนนั้นว่า อยากจะทำอย่างไรกับคนที่ฆ่าลูกของเขา ชายผู้เป็นพ่อบอกว่า

“ไม่ทำอะไร”

มัวร์บอกว่า้ถ้าคุณมีสิทธิจะฆ่าเขาคุณจะทำไหม เขาย้ำหลายครั้งว่า “ไม่ทำ” และ “เขาฆ่าลูกผมแต่ผมไม่อยากฆ่าเขา”

มัวร์ย้ำอีกหลายรอบว่า “เขาฆ่าลูกของคุณนะ” ชายผู้พ่อตัดรำคาญว่า

“ผมไม่อยากลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเขา ระดับที่บอกว่าตัวเองมีสิทธิจะฆ่าใครสักคน ผมไม่มีสิทธินั้น”

เขาอธิบายต่อว่า


“หลังเหตุการณ์นั้น ราชวงศ์ รัฐบาล สื่อมวลชน และคนนอร์เวย์สนใจที่จะดูแลกันเอง มากกว่าจะรณรงค์ให้แก้กฎหมายให้รุนแรงขึ้น เราดูแลกันให้มากขึ้น เปิดใจมากขึ้น เปิดสังคมให้มากขึ้น เพิ่มความเป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้น และให้สิทธิในการพูดมากขึ้น เพราะเชื่อว่าการเพิ่มความรุนแรง มันไม่ได้ช่วย ยิ่งจะสร้างความเกลียดชังให้มากขึ้น”


ประเทศที่เจริญมากๆ เขาใส่ใจความเป็นมนุษย์ และเลือกจะให้อภัยมากกว่าแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง

ผมเลือกหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดของปี 2016


ดูหนังฉบับเต็มแบบไม่มีคำบรรยายภาษาไทยได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=MUiuqWjaM7s หรือซื้อแผ่นแท้มีซับไทยได้ที่ Documentary Club

Read : ข้อเขียนชวนอ่านฆ่าเวลา เยียวยาการนอนไม่หลับ

รูปและภาพ: Gengo Serkinov. ชื่อรัสเซีย กินเบียร์ต่างน้ำ นักข่าวบ้ากาม ตามข่าวไม่ทัน

25 views0 comments
bottom of page