“หนึ่งในโรงแรมที่ผีดุที่สุดในอาเซียน” คือหนึ่งในประโยคที่คุณจะพบ หากค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรม “จำปาสัก พาเลซ” แต่ในกระทู้ที่บอกว่า “ผีดุ” ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดว่า ผีมีหน้าตาแบบไหน หลอกหลอนยังไง เล่าแต่เพียงว่า โรงแรมแห่งนี้ถูกดัดแปลงจาก “วังเก่า” ของ “เจ้าบุญอุ้ม”
เจ้าบุญอุ้ม ผู้เคยเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างนี้ ที่ภายหลังกลายเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเซโดน (แม่น้ำเซโดน ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่นี่ เมืองแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า ปากเซ(ฯ)) เคยเป็นเจ้าครองนครจำปาสัก หนึ่งในสามหัวเมืองสำคัญของประเทศลาว (จำปาสัก หลวงพะบาง และเวียงจัน)
(แผนที่โบราณลาว บอกว่า อาณาจักรล้านช้าง(ชื่อเก่าของประเทศลาว) กว้างใหญ่ มีน้ำโขงไหลผ่ากลาง ซึ่งหมายความว่า พื้นที่บางส่วนของประเทศไทย เคยเป็นของประเทศลาว ตามความเชื่อแบบลาว)
ก่อนปี 1975 ประเทศลาวปกครองด้วยระบอบ กษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ คนลาวเรียกว่า ยุคราชอาณาจักร เชื้อพระวงศ์จาก 3 หัวเมือง ผลัดกันขึ้นครองราชย์ เป็นเจ้ามหาชีวิตของประเทศลาว ตามแต่จังหวะและโอกาส มีพรรคการเมืองหลายพรรค แข่งขันกันเพื่อเป็นรัฐบาลโดยการเลือกตั้ง และสมาชิกราชวงศ์บางคนก็ลงมาเล่นการเมือง
เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก เป็นบุตรของ อดีตเจ้ามหาชีวิตของลาว
ท่านเคยเป็นนายกรัฐมนตรี และเคยเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วย แต่หลังจากประเทศถูกยึดอำนาจโดย พรรคประชาชนปฎิวัติลาว (ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์) ในปี 1975 สมบัติของราชวงศ์ก็ตกเป็นสมบัติของชาติ และระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้าง
(ประวัติศาสตร์ลาวช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ผมรับรู้มาจากปากของคนลาวที่อยู่ในประเทศลาวตอนมีสถานการณ์นั้นจริงๆ ปัจจุบัน คนลาวคนนั้นอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังจะเกษียณตัวเองจากการทำงานข่าว)
แน่นอนว่า พระราชวังจำปาสัก ซึ่งออกแบบในสไตล์โคโลเหนี่ยว โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ก็ถูกยึดเข้าเป็นของรัฐเช่นกัน และต่อมามันถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นโรงแรม “จำปาสัก พาเลซ” จริงๆ ชื่อมันก็ยังแปลว่า "วังจำปาสัก"ตามชื่อดั้งเดิมน่ะนะ เพียงแค่เป็นชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้น
เขาว่ากันว่า (ใครก็ไม่รู้ว่า) เจ้าบุญอุ้มรักพระราชวังแห่งนี้มาก ทำให้โรงแรมจำปาสักพาเลซ กลายเป็นโรงแรมผีดุ ด้วยพิษรัก แรงหวง
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมยังทำข่าวลาว ผมเดินทางไปประเทศลาวหลายครั้ง และแขวง(จังหวัด)ที่ไปบ่อยที่สุดก็คือ แขวงจำปาสักนี่แหละ โดยเฉพาะเมืองปากเซ ถือว่า พักพิงเยอะที่สุด
ด้วยเหตุที่ในการเดินทางแต่ล่ะครั้ง ผมเป็นคนวางแผน ทำให้ผมสามารถเลือกโรงแรม และวิธีเดินทางเองได้ แน่นอนว่า ผมมักเลือกที่พักที่ถูกจริตกับตัวเอง โรงแรมจำปาสักพาเลซ มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทำให้เมื่อผมเห็นตัวโรงแรม ก็ตัดสินใจพักที่นี่อย่างไม่ยากเย็น เป็นการตัดสินใจด้วยความชอบมากกว่าเหตุผลประกอบอื่นๆ
ถ้าจำไม่ผิด ทริปนั้นผมต้องนอนที่ปากเซ 3 คืน ผมเลือกจำปาสักพาเลซเป็นคืนแรก เพราะเป็นคืนที่ยังไม่ต้องทำงานจริงๆ เป็นคืนที่ไปนอนเพื่อเตรียมตัวทำงานในอีกวันถัดมา เป็นวันที่จะได้สำรวจว่า ปากเซมีสิ่งใดน่าสนใจ
ในพื้นที่โรงแรม นอกจากมีอาคารซึ่งเคยเป็นวังเก่าแล้ว ยังมีอาคารหลังที่สอง ที่ถูกสร้างเพิ่มสำหรับรองรับนักท่องเที่ยว และมีพื้นที่สวน มีบันไดที่เชื่อมจากสวนลงไปหาแม่น้ำเซโดนด้วย และระหว่างทางลงที่ว่า ก็มีพระพุทธรูป และเจ้าแม่กวนอิม
ช่วงที่ผมไปพัก ถนนหน้าโรงแรมกำลังถูกรื้อทำใหม่ จากถนนปูนจึงกลายเป็นดินแดง บรรยากาศอาจจะไม่ดีนัก ฝุ่นดินอาจจะมากกว่าปกติสักหน่อย
ส่วนตัวอาคารเก่า ในตอนนั้นถูกทาทับด้วยสีเหลือง สีเหลืองสดใหม่(ตามรูป) บดบังความโบราณเกือบหมด แต่ตึกเก่าก็ยังเป็นตึกเก่า ภายในมันยังคงความวิเวกวังเวง ภาพผู้นำประเทศ จากอดีตถึงปัจจุบัน ภาพแขกบ้านแขกเมืองคนใหญ่คนโตที่มาเยือนปากเซ ภาพของคนที่ทั้งยังมีชีวิตอยู่ และสิ้นอายุขัยไปแล้ว สิ่งเหล่านี้สร้างบรรยากาศเคร่งขรึมให้กับโรงแรมได้ไม่น้อย
ในช่วงหัวค่ำ ระหว่างที่ผมกำลังจัดเตรียมของใช้สำหรับทำงานในวันรุ่งขึ้นบนเตียงสองเตียงที่ถูกดันให้ชิดกัน ผมบังเอิญทำเหรียญตกลงไปในซอกระหว่างเตียง
ผมต้องดึงเตียงทั้งคู่ให้แยกออกจากกัน หลังจากเก็บเหรียญที่ตกได้ ผมพบว่า บนพรมสีเทาใต้เตียง มีคราบสีแดงขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเปื้อนอยู่
ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นคราบน้ำหมาก หรือแฟนต้าน้ำแดง
ผมไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่พบเท่าไหร่ ผมดันเตียงคืนอย่างเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินไปกินอาหารที่ห้องอาหาร หลังจากกินอาหารเสร็จ ผมย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าโรงแรม
ดาดฟ้าโรงแรมเป็นที่ตั้งของบาร์แบบโอเพ่นแอร์ พนักงานของบาร์ส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม ซึ่งพูดลาว หรือไทยได้ไม่ถนัด การสื่อสารจึงมีข้อจำกัด แต่อย่างไรซะ แค่การสั่งเบียร์ลาว ไม่ได้ยากเกินไป จำได้ว่าคืนนั้น ผมกินเบียร์ลาวไป 3 ขวด (คนลาวเรียกขวดว่า แก้ว ส่วนแก้วเรียกว่า จอก) กินเบียร์พลางนั่งมองปากเซยามค่ำคืน
ปากเซเป็นเหมือนอำเภอเมืองของ จังหวัดจำปาสัก เป็นเมืองสำคัญของลาวใต้ เป็นเมืองเศรษฐกิจก็ว่าได้ แต่หากเทียบความคึกคักกับประเทศไทยแล้ว จังหวัดไม่ใหญ่ของประเทศไทยบางจังหวัดยังคึกคักกว่าปากเซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน
ด้วยความที่เป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ยังไม่ทันถึงเที่ยงคืน ปากเซทั้งเมืองจึงเกือบเงียบสนิท
หลังจากหมดเบียร์ลาวทั้ง 3 ขวด ผมพาตัวเองกลับลงมายังชั้นหนึ่ง และตรงไปที่ห้องพัก ในทุกครั้งที่ผมต้องนอนแปลกที่ ผมมักจะดื่มเบียร์เพื่อให้ตัวเองหลับง่าย ผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายอย่างรวดเร็ว ไม่ถูกรบกวนโดยภูติผี วิญญาณ
จากการพิสูจน์มาตลอดชีวิต วิธีนี้ใช้ได้ผล
ผมกลับห้อง และอาบน้ำ ก่อนนอน ผมเหลือไฟในห้องน้ำไว้หนึ่งดวง ผมแง้มประตูห้องน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ไฟห้องน้ำลอดเข้ามาในห้องนอนเพื่อการมองเห็น แล้วผมก็ทิ้งหัวลงบนหมอน และหลับไปโดยไม่รู้ตัว
คืนนั้นเหมือนจะง่ายดาย แต่ก็ไม่ซะทีเดียว อาจเพราะผมดื่มเบียร์มากไปทำให้ผม รู้สึกตัวตื่นกลางดึก ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง พบว่า ภายนอกมืดมิด บรรยากาศรอบตัวเงียบสนิท ผมพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ และฉี่ ก่อนกลับมานอนต่อ
ผมหลับอย่างง่ายดาย และตื่นมากินอาหารเช้าของโรงแรมอย่างสดใส
ไม่มีหรอกผีน่ะ
เจ้าบุญอุ้มไม่เคยอยู่วังนี้ ไม่เคยอยู่สักกะวัน เพราะประเทศเปลี่ยนจากราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐก่อนที่ วังจะสร้างเสร็จ เจ้าบุญอุ้มหนีเข้าไทย แล้วไปสิ้นพระชนม์ที่ฝรั่งเศสโน่น
ผมสรุปสถานการณ์ในโรงแรมผีดุแห่งนี้ได้ 2 กรณี 1.ไม่มีผีดุ และ 2.ผีอาจจะดุ แต่ผมกรนดัง จนผีเลิกดุ
Trip : ท่องเที่ยวด้วยตัวหนังสือ ฟังเรื่องลือ เรื่องเล่า เคล้าความลวง เรื่องและภาพ : Gengo Serkinov. ชื่อรัสเซีย กินเบียร์ต่างน้ำ นักข่าวบ้ากาม ตามข่าวไม่ทัน
Comments